นิทรรศการ "ความพินาศอันเงียบสงัด : Silent Ravage"
นิทรรศการ "ความพินาศอันเงียบสงัด : Silent Ravage" ผลงานโดย ออฟ สมิธ (Aof Smith) จัดแสดงระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2560 ณ Subhashok The Arts Centre (S.A.C.) : ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์
ความพินาศอันเงียบสงัด
หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเสนอการกลับมาแสดงนิทรรศการเดี่ยวอีกครั้งของศิลปิน ออฟ สมิธภายใต้ชื่อนิทรรศการ Silent Ravage - ความพินาศอันเงียบสงัดในเวลาไม่กี่ปีออฟ สมิธ ศิลปินชาวไทยได้สร้างฐานแฟนคลับมากมายทั้งนักสะสมและศิลปินแนว Lowbrow ในเมืองไทยและต่างประเทศ ผลงานของ ออฟ สมิธ ได้รับอิทธิพลจาก Pop-Surrealism ชาวอเมริกัน ที่ยังมีบรรยากาศดั่งหลุดเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกยามฝันของศิลปินแนวเหนือจริง (Surreal) ผสมผสานกับการหยิบยกประเด็นความตื้นเขินของสังคมบริโภคในปัจจุบันแบบ ป๊อปอาร์ต (Pop art) มาเกี่ยวข้อง หากแต่ในสไตล์ที่พัฒนาขึ้นด้วยตัวเองของศิลปินนั้น ยังมีการนำสีสันจัดจ้านที่ช่วยดึงความกลมกล่อมทางสายตาอีกทั้งยังเพิ่มวอลุ่มให้กับชั้นบรรยากาศและพื้นผิวของตัวละครของศิลปินอีกด้วยในนิทรรศการครั้งนี้ ออฟ สมิธ ไม่เพียงแต่ใส่พลังและเทคนิคหลากหลายเข้าไปในงานแต่ยังได้มีการใช้สีพิเศษที่ หายากเข้ามาเพื่อเพิ่มมิติและความลุ่มลึกในโลกแฟนตาซีของเขาอีกด้วย
เฟอรี่ ตัวละครที่มักจะปรากฏตัวอยู่ในงานของ ออฟ สมิธ คือสัตว์ที่ดูคล้ายคลึงระหว่างสุนัข บูลด็อก กับ กระต่าย ได้รับหน้าที่เป็นตัวละครชูโรงในบทบาทอันสำคัญที่จะลุกขึ้นสู้กับมนุษย์ ในอีกด้านหนึ่ง เฟย์ คือสาวน้อย ผู้เป็นดั่งตัวแทนความเปราะบางและซับซ้อนของในความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือ สติ ของมนุษย์เรานั่นเอง
แม้เบื้องต้นงานของ ออฟ สมิธ จะดูน่ารักและขี้เล่นแต่ผลงานชุดนี้ได้หยิบยกประเด็นการทารุณสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงออกมาขยายความยกตัวอย่างในประเทศไทยเอง การที่ผู้คนเพาะพันธ์ปลากัด หรือ ไก่ เพื่อนำมาสู้กันเพียงเพื่อสนองความสนุกจากกีฬาเรียกเลือด ก็ไม่ต่างอะไรกับการกดขี่บังคับยัดเยียดความดุร้ายและความเจ็บปวดให้กับสัตว์เหล่านั้นหรืออย่างในสัตว์บางชนิด เช่นสุนัข ก็ยังถูกเพาะพันธ์โดยนำเอายีนส์ด้อยหรือเชื้อต่างๆ มาผสมกันเพื่อให้ได้มาซึ่ง สุนัขหน้าย่น ตัวสั้น เพื่อความน่าเอ็นดู สำหรับเราหากแต่สุนัขเช่นพันธ์นี้ กลับต้องทุกข์ทรมานกับปัญหาด้านผิวหนัง หรือปัญหาในการหายใจไปตลอดชีวิต ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดนักที่ต้องทนทรมานกับการโดนทารุณจากเจ้าของที่ไม่ใส่ใจ และในหลายๆ ครั้งการทารุณเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นโดยที่เจ้าของก็ไม่ได้รับผลกระทบหรือบทลงโทษจากการกระทำนั้นเลย
นิทรรศการ Silent Ravage -ความพินาศอันเงียบสงัด-คือโลกในจินตนาการของ ออฟ สมิธ โลกซึ่งสัตว์เหล่านี้พร้อมใจกันลุกฮือขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับผู้คนที่กระทำความทารุณต่อสัตว์ ผ่านการเล่าเรื่องโดยมีภาพวาด สีน้ำมัน และ สีอะครีลิค และประติมากรรม กว่า 20 ชิ้น ที่จะสร้างบรรยากาศสถานการณ์ความตึงเครียดให้ได้ลุ้นระทึกกันในสไตล์ของ ออฟ สมิธ อีกทั้งยังมีชิ้นไฮไลท์ขนาดใหญ่ที่ศิลปินจะเผยให้สัมผัสถึงวินาทีแห่งการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ที่รายละเอียดในทุกตารางนิ้ว คือเครื่องยืนยันว่าออฟ สมิธ คือศิลปินแนวหน้าในสายPop-Surrealism คนหนึ่งของประเทศไทย
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ และเป็นหนึ่งในพิธีเปิดนิทรรศการ Silent Ravage-ความพินาศอันเงียบสงัด- ได้ ณ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์ สุขุมวิท 39 เวลา 18:30 น วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 โดยนิทรรศการจะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2560
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเพื่อสัมภาษณ์ได้ที่
ทัดจันทร์ เกตุสิงห์สร้อย (บีน) tadchan.k@gmail.com หรือโทร. 080-492- 3666 และไลน์ beansbean........................................................
Silence Ravage-ความพินาศอันเงียบสงัด
หากพูดถึงงานแนว Pop-Surrealism ในแวดวงศิลปะต่างประเทศ ชื่อของ Mark Ryden และ Ron English ศิลปินชาวอเมริกัน คงติดอันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่หากในแวดวงศิลปะในประเทศไทย เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการนำเสนอศิลปินไทยรุ่นใหม่ ซึ่งมีผลงานโดดเด่น
และเป็นที่รู้จักทั้งวงการศิลปะไทยและต่างประเทศอย่าง Aof Smith (ออฟ สมิธ)ในเวลาไม่กี่ปีออฟ สมิธ ได้สร้างฐานแฟนคลับมากมายทั้งนักสะสมและศิลปินแนว Lowbrow ในเมืองไทยและต่างประเทศ ผลงานของ ออฟ สมิธ ประกอบสร้างด้วยบรรยากาศดั่งหลุดเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกยามฝันของศิลปินแนวเหนือจริง (Surreal) ผสมผสานกับการหยิบยกประเด็นความตื้นเขินของสังคมบริโภคในปัจจุบันแบบ ป๊อปอาร์ต (Pop art) มาเกี่ยวข้อง ผสานสีสันจัดจ้านที่ช่วยดึงความกลมกล่อมทางสายตาอีกทั้งยังเพิ่มวอลลุ่มให้กับชั้นบรรยากาศและพื้นผิวของตัวละครต่างๆ ของศิลปิน ซึ่งในนิทรรศการครั้งนี้ Silence Ravage-ความพินาศอันเงียบสงัด ออฟ สมิธ ไม่เพียงแต่ใส่พลังและเทคนิคหลากหลายเข้าไปในงานแต่ยังได้มีการใช้สีพิเศษที่หายากเข้ามาเพื่อเพิ่มมิติและความลุ่มลึกในโลกแฟนตาซีของเขาอีกด้วย
กว่าจะก้าวมาสู่ความเป็นศิลปินแนว Lowbrow เต็มตัวอย่างที่เห็น ออฟ สมิธ เดินทางผ่านช่วงเวลา และประสบการณ์ที่หลากหลาย
“ผมเริ่มจับงาน Pop Surrealist จริงๆ ในช่วงที่เรียน ปี 3 มันเกิดจากผมไปเจองานๆ หนึ่งซึ่งตีพิมพ์อยู่ในนิตยสาร Juxtopoz แล้วรู้สึกว่าชอบมาก มันมีความ “ตลกร้าย” ที่ซ่อนอยู่ในงาน เราชอบแก๊กแบบนี้ จากนั้นผมจึงเริ่มหัดวาด ศึกษา และฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ ผสมกับงานของพี่ประทีป (ประทีป คชบัว) และพี่ปาล์ม (ปรียวิศว์ นิลจุลกะ) ที่อยู่ในความสนใจในช่วงนั้น
ซึ่งงานยุคแรกๆ เนื้อหาโหดมากนะ เป็นเรื่อง Sex เรื่องโลกของชีวิตคนกลางคืน มาเปลี่ยนตอนที่เรียนปริญญาโทที่เริ่มมีเรื่องความรัก สะท้อนสังคมซึ่งมีความละมุนขึ้น จนมาถึงตอนนี้ ที่ผมเน้นเรื่องสัตว์เป็นพิเศษเอาจริงๆ ผมไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลยนะ เคยคลุกคลีตอนเด็กๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก ผมว่าชีวิตผมในตอนนี้ยังไม่เหมาะจะมีสัตว์เลี้ยง ผมคงมีเวลาให้มันไม่เพียงพอ และก็ไม่อยากเลี้ยงโดยการขังเขาไว้ในกรงหรือล่ามไว้ตลอดเพียงเพราะผมไม่มีเวลาใส่ใจมัน
ในงานนิทรรศการ Silence Ravage-ความพินาศอันเงียบสงัด เราพูดถึงโมงยามของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และสัตว์ แสดงออกด้วยสีสันที่สดใส ตัวละครน่ารักๆ อย่างเด็กผู้หญิง และสุนัข ซึ่งผมกำลังหยอกล้อกับความคิดของคน ที่แรกมองภาพจะเห็นเพียงความสวยงามแต่จริงๆ แล้วมันซ่อนความเจ็บปวดอยู่ในภาพเหล่านั้น
นอกเหนือจากงานวาดภาพ ออฟ สมิธ ยังมีอีกแง่มุม ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือความคลั่งไคล้ในของมือสอง “ตั้งแต่จำความได้ ที่บ้านก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้ามือสองแล้วครับ เรียกว่าสะสมมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเลย โดยเฉพาะเสื้อยุค 70s และ 80s Western, Cowboy, Romeo, เสื้อทัวร์ ฮาร์เล่ย์ เดวิสันบ้าง และเสื้อวินเทจผู้หญิงสไตล์ Boho ซึ่งผมจะเลือกเฉพาะเสื้อผ้าที่ราคาไม่แพงนัก ผมว่าเสื้อผ้ามือสองมันคือตัวแทนประวัติศาสตร์นะ มันถูกผลิตมาแค่นั้นแล้วไม่ผลิตซ้ำอีก และมันมีประวัติของมัน ว่าผลิตมาเพื่ออะไร เช่น รองเท้าบางคู่ ที่ผลิตออกมาสำหรับคนที่เท้าขนาดพิเศษ หรือเสื้อยืดที่ยุคหนึ่งเป็นผ้า Cotton 50 หรือเย็บตะเข็บเดี่ยว และถ้าให้พูดเรื่องความเซียนในเสื้อผ้ามือสอง ผมว่าผมเห็นแค่ตะเข็บเสื้อ หรือขอบสกรีน พมก็สามารถบอกได้เลยนะว่ามาจากยุคไหน”
หากย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนผมเป็นแค่นักดนตรีตามผับธรรมดา ทำวงดนตรีแนว Metal Core เป็นเด็กผู้ชายที่คลั่งพวกของมือสอง เก็บเสื้อวงเล่นสเก็ตบอร์ด ตามแพทเทิร์นของเด็กวัยรุ่นในยุค 90s ผมเคยผ่านช่วงชีวิตในจุดที่ต่ำที่สุด จนมาถึงในจุดที่ดีกว่าเดิมด้วยการทำงานศิลปะ ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมเป็นคนขยันมาก มันเกิดจากผมอยากจะเอาชนะตัวเองด้วย เพราะตอนเด็กๆ ผมเป็นคนที่วาดรูปได้ห่วยที่สุดในบ้าน เป็นลูกคนเล็กที่จ่อยที่สุด ผมเลยอยากจะเก่งขึ้น เพื่อตัวเองและเพื่อให้คุณพ่อชม
และผมเชื่อในสิ่งที่เป็นอยู่ว่ามันจะต้องเป็นอาชีพได้ ด้วยการไม่ถูกว่าจ้างให้ทำงาน แต่เป็นคนที่ทำงานตามในสิ่งที่ตัวเองคิดและอยากทำมาตลอด ผมจึงเคารพมัน และต้องมีวินัย ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องตัดบางสิ่งที่รักไปบ้างอย่างการเล่นดนตรี หรือการออกไปพบปะเพื่อฝูง เพราะว่าเราได้เรียงลำดับชีวิตแล้วว่า ศิลปะ คือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา”
นิทรรศการ Silent Ravage –ความพินาศอันเงียบสงัด จะจัดแสดง ณ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์ สุขุมวิท 39 ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ซึ่งจะมีพิธีเปิดในวันจันทร์ ที่ 6 พฤศจิกายน 2560 เวลา 18.00 น. ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเพื่อสัมภาษณ์ได้ที่ ทัดจันทร์ เกตุสิงห์สร้อย (บีน) tadchan.k@gmail.com หรือโทร. 080-492-3666 และไลน์ไอดี: beansbean
Highlight:
- Aof Smith เป็นหนึ่งในศิลปินไทย ที่ได้ตีพิมพ์ผลงานในนิตยสาร และเว็บไซต์แสดงงานศิลปะชื่อดังของนิวยอร์ก เช่น ปกนิตยสาร Direct Art, นิตยสาร Hidden Treasure Art, นิตยสาร Year Book of 2557 และ Visual Artistry นอกจากนี้ยังร่วมแสดงงานร่วมกับศิลปินต่างชาติยังแกลอรี่ที่อเมริกา จึงนับว่าออฟ สมิธ คือีกหนึ่งศิลปินไทยที่น่าจับตา และยังเป็นผู้นำในการวาดภาพสีน้ำมันแนว Lowbrow Art
- ในนิทรรศการครั้งนี้ประกอบไปด้วยภาพวาดสีน้ำมัน และสีอะคริลิค จำนวน 20 ชิ้น และประติมากรรม ไฮไลท์ 1 ชิ้น
- ใช้เทคนิคสีน้ำมันสะท้อนแสง ซึ่งยังไม่มีศิลปินไทยคนไหนใช้ และสีน้ำมันปกติไม่มี
- นัยยะสำคัญของงานนิทรรศการครั้งนี้ คือ “การทารุณกรรม” สัตว์จากมนุษย์ผู้เรียกตัวเองว่า “เจ้าของสัตว์เลี้ยง”
ข่าวประชาสัมพันธ์ : Subhashok The Arts Centre (S.A.C.) : ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์