นิทรรศการบอนไซญี่ปุ่น "The Living Art of Elegance: Japan Bonsai Exhibition"
นิทรรศการบอนไซญี่ปุ่น "The Living Art of Elegance: Japan Bonsai Exhibition" โดย Bonsai Hunter จัดแสดงระหว่างวันที่ วันที่ 15 - 25 สิงหาคม 2567 ณ Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน : Siam Paragon
เรื่องราวเบื้องลึกล้ำค่าของ “บอนไซ (Bonsai)” ศิลปะร่วมสร้างจากธรรมชาติ มนุษย์ และกาลเวลา ที่สุดของประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
__นิทรรศการบอนไซญี่ปุ่น รวบรวมเหล่าบอนไซเก่าแก่หลากหลาย รวมกว่า 2,000 ปี ครั้งแรกในประเทศไทย! Siam Paragon “The Living Art of Elegance” Japan Bonsai Exhibition by Bonsai Hunter
สยามพารากอนชวนคุณมาสัมผัสความลักซ์ชัวรีในอีกหนึ่งมิติ สัมผัสสุนทรียะของเหล่าบอนไซด้วยตัวคุณเองได้ที่งาน "The Living Art of Elegance" Japan Bonsai Exhibition by Bonsai Hunter ที่ Siam Paragon นิทรรศการบอนไซญี่ปุ่นที่รวบรวมบอนไซอันทรงคุณค่า เพื่อให้คุณได้ร่วมสัมผัสศิลปะล้ำค่าที่ร่วมกันสรรสร้างระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและกาลเวลา
งาน "The Living Art of Elegance" Japan Bonsai Exhibition by Bonsai Hunter จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15-25 ส.ค. 67 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน
และนี่คือ 7 เรื่องราวเบื้องลึกสุดล้ำค่าเกี่ยวกับ “บอนไซ” ที่อยากให้คุณได้อ่าน ก่อนมาสัมผัสด้วยตัวเอง
1. สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่อายุยาวนานกว่าพันปี
ศิลปะบอนไซนั้นเปรียบเสมือนมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเอเชียตะวันออก ที่ถูกถ่ายทอดและสืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่าพันปี ต้นกำเนิดของบอนไซนั้นสามารถสืบย้อนกลับไปยังประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ภาพวาดและบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้บันทึกหลักฐานอันชัดเจนถึงการปลูกพืชในกระถางเพื่อความเพลิดเพลินของชนชั้นสูง และแพร่หลายไปยังชนชั้นสูงและขุนนางในสมัยราชวงศ์ซ่งของจีน และจากนั้นก็ได้เดินทางข้ามทะเลมายังประเทศญี่ปุ่นในยุคเฮอัน โดยได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ชนชั้นสูงและซามูไรชาวญี่ปุ่น การเลี้ยงบอนไซจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความงดงามของธรรมชาติที่ถูกบ่มเพาะและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่อง2. ครอบครองธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ในไซซ์กระทัดรัด
บอนไซ แท้จริงไม่ใช่ชื่อต้นไม้ แต่หมายถึงการปลูกต้นไม้ในกระถางขนาดเล็ก โดย 盆 (Bon) หมายถึง กระถาง และ 栽 (Sai) หมายถึง การเพาะปลูก บอนไซเป็นการจำลองธรรมชาติในรูปแบบที่ย่อส่วน โดยเลียนแบบรูปทรงของต้นไม้ใหญ่ในป่า ด้วยการเน้นเส้นสายของลำต้น กิ่งก้าน และใบไม้ ทำให้ผู้เลี้ยงได้สัมผัสถึงความงดงามของธรรมชาติในรูปแบบที่เข้มข้นและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น3. ตัวแทนปรัชญาตะวันออกอันลุ่มลึก
ด้วยความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ไม้ การตัดแต่งกิ่งก้าน และการบำรุงรักษา และปล่อยให้บอนไซเติบโตอย่างสง่างามด้วยความเรียบง่าย บอนไซจึงไม่เพียงแต่เป็นเพียงต้นไม้ในกระถาง แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงปรัชญาตะวันออกที่เน้นความสมดุล ความกลมกลืน ความอดทนและความเพียร การปลูกและดูแลบอนไซจึงเป็นมากกว่าการสร้างสรรค์ผลงาน แต่เป็นการเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตและธรรมชาติ4. ผลงานชิ้นเอกที่เติบโตไปพร้อมผู้เลี้ยง
บอนไซเป็นงานศิลปะที่ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติและมนุษย์ การจัดวางกิ่ง ก้าน ใบ และรากของบอนไซ ต้องคำนึงถึงความสมดุลขององค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามที่กลมกลืน การสร้างบอนไซต้องใช้ทักษะและความอดทนในการเลี้ยงดูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ความสวยงามของบอนไซแต่ละต้นจึงเป็นผลงานศิลปะที่เกิดจากการดูแลเอาใจใส่มานานหลายปี เป็นเสมือนบันทึกเรื่องราวของเวลาและการเปลี่ยนแปลงระหว่างผู้เลี้ยงและต้นไม้5. เชื่อมโยงตัวตนกับธรรมชาติ
การเลี้ยงบอนไซ ผู้เลี้ยงจะต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจธรรมชาติของต้นไม้ และควบคุมการเจริญเติบโต เพื่อให้ได้รูปทรงที่ต้องการ การเลี้ยงบอนไซจึงแสดงให้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์ในการสร้างความสมดุลกับธรรมชาติ โดยนำธรรมชาติมาไว้ในขนาดที่สามารถควบคุมได้และอยู่ร่วมกันได้6. ความสงบและสมาธิ
การดูแลบอนไซช่วยให้จิตใจสงบและเกิดสมาธิ เนื่องจากผู้เลี้ยงต้องจดจ่อกับการทำงานและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยดึงให้คุณออกจากโลกที่เร่งรีบและวุ่นวายภายนอกได้ทุกครั้งที่หันกลับมามองยังกระถางใบนี้7. เสริมฮวงจุ้ย เสริมพลังชีวิต
การเลี้ยงบอนไซเพื่อตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเชื่อกันว่าสามารถนำพาพลังงานบวกและเสริมฮวงจุ้ยที่ดีให้กับบ้านได้อีกด้วย เพราะต้นไม้เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและการเติบโต พลังงานจากธรรมชาติที่อยู่ในต้นไม้จะช่วยปรับปรุงพลังงานภายในบ้านให้เป็นไปในทางที่ดีอีเวนต์พิเศษสำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะและความสงบงามของธรรมชาติ ที่สุดของประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
"The Living Art of Elegance" Japan Bonsai Exhibition by Bonsai Hunter
วันที่ 15-25 ส.ค. 67 ณ Living Hall ชั้น 3 สยามพารากอน