นิทรรศการศิลปะ "ความงามจากมิตรภาพ สู่สันติภาพ : THE BEAUTY of Friendship brings peace to the soul"
นิทรรศการศิลปะ "ความงามจากมิตรภาพ สู่สันติภาพ : THE BEAUTY of Friendship brings peace to the soul" ผลงานโดย สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง (Sathit Thimwatbunthonge) จัดแสดงระหว่างวันที่ 9 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : bacc
ความงามจากมิตรภาพสู่สันติภาพ
โดย คุณสาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
จัดแสดง: 9 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2567
สถานที่: ห้องนิทรรศการ ชั้น 3
.
แนวคิดในการแสดงนิทรรศการในชุด "ความงามจากมิตรภาพสู่สันติภาพ"ภายหลังจากได้เข้าร่วมโครงการมิตรภาพแห่งศตวรรษที่ 21 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 เดือน ในปี พ.ศ. 2529 ซึ่งจัดโดยไจก้าจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย การได้ไปเยี่ยมเยือนพิพิธภัณฑ์ เมืองฮิโรชิมา จากภาพเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองฮิโรชิมาถูกระเบิดปรมณู ในครั้งนั้น จึงกลายเป็นภาพฝังใจในระยะเวลาต่อมา ผมจึงได้เขียนภาพเหตุการณ์ในช่วงเวลาขณะนั้นด้วยโทนสีเอกรงค์ จากภาพเก่าที่ค้นพบจากหนังสือแมกกาซีนจากต่างประเทศ ด้วยการใช้เวลาในการเขียนประมาณ 3 เดือน ด้วยแนวทางภาพเสมือนจริงขนาด 150 x 140 เซนติเมตร สีน้ำมัน โดยได้รวบรวมผลงานภาพสีน้ำจำนวนหนึ่ง ที่เขียนขึ้นระหว่างการเดินทาง จัดแสดงที่สถาบันสอนภาษา A.U.A ภายใต้ชื่องานว่า “มิตรภาพเพื่อสันติภาพ (FRIENDSHIP FOR PEACE)” ในปี พ.ศ.2529 และจัดอีกครั้งที่ สีลม แกลลอเรียล โดยเนื้อหาภายในภาพได้เชื่อมต่อจาก การแสดงครั้งที่ 1 ดังที่ผ่านมา การจัดในครั้งนั้นจึงเป็นการจัดแสดงเป็นครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่องานเดียวกันในช่วงปี พ.ศ. 2547 และได้เว้นระยะการแสดงในประเด็นดังกล่าวมาอีกยาวนานจนมาถึงวันนี้
ในการแสดงนิทรรศการในชุด "ความงามจากมิตรภาพ สู่สันติภาพ" (THE BEAUTY of Friendship brings peace to the soul) จึงเป็นการเชื่อมต่อทางด้านแนวคิด ที่ตอกย้ำให้สังคมได้ตระหนักในพิษภัยของธรรมชาติหรือสงคราม ด้วยการนำผลงานศิลปะเป็นสื่อกลาง ในการโน้มน้าวจิตใจให้สังคมได้ร่วมกันป้องกัน พร้อมไปกับการสร้างความอ่อนโยนให้แก่สังคมด้วยผลงานทางศิลปะ จากภาพของธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและภาพข่าวจากสื่อมวลชนในเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ซีเรีย ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ การปลอบประโลมสังคม ด้วยการนำผลงานศิลปะที่จะเป็นการสร้างประสบการณ์ทางสุนทรียะร่วมกัน เป็นการหล่อหลอม ที่จะนำไปสู่การสร้างความสงบสุข การเห็นอกเห็นใจกันพร้อมไปกับการแบ่งปันที่มวลมนุษย์ควรมีต่อกันในยามที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทั้งจากฝีมือของมนุษย์และพิษภัยจากธรรมชาติ ที่โลกข้างหน้าที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก ฉะนั้น เมื่อยามที่สังคมยังอยู่ในภาวะปกตินั้น เราควรสร้างความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เผื่อเป็นการเตรียมการที่จะพบกับอุปสรรคและปัญหานานาประการที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดก็เป็นได้ การนำศิลปะจากผลงานภาพเขียนมาจัดแสดงเผื่อเผยแพร่ต่อสังคมจึงเป็นบทบาทหนึ่งของผู้สร้างสรรค์ ได้ใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เพื่อที่จะเป็นคุณประโยชน์ในด้านสุนทรียะ ที่จะก่อประโยชน์ต่อสังคมในทางตรงและทางอ้อมได้ต่อไป