นิทรรศการ "Frameless" : อิสระในการคิด
นิทรรศการ "Frameless" : อิสระในการคิด เป็นการแสดงงานศิลปะเดี่ยวครั้งแรกของศิลปิน แก้วตระการ จุลบล จัดแสดงนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม -14 สิงหาคม 2556 และเปิดนิทรรศการในวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2556 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป ณ หลังแรก Bar Restaurant Gallery
"Frameless" : อิสระในการคิด
"ไม่ต้องเกริ่นไปไกล เราแค่กำลังจะทำสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเอง การคิดด้วยตัวเอง การแสดงออกด้วยตัวเอง รวมถึงการทำศิลปะที่เราอยากคิดและอยากจะทำด้วยเองโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทำทำไม? เพื่ออะไร? เหตุผล? เราตอบ เราสนองความต้องการตัวเองล้วนๆ
เราทำเพราะเราอยาก ทำเพื่ออยาก เหตุผลเพราะอยาก เราไม่ต้องป่วยหรือไม่ต้องมีอาการทางจิต (ทุกข์-สุข)ใดๆ เราก็สามารถสร้างงานได้โดยไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีข้ออ้าง มันอาจจะเป็นเหตุผลส่วนตัวมากๆ แต่เราคิดว่ามันคือความจริงโดยเรียบง่าย... ศิลปะไม่ได้สูงค่า ไม่ไกลตัว แต่อยู่รอบๆตัวเรา ไม่ใกล้ไม่ไกล แค่เพียงเปิดความคิดตัวเองให้เป็นอิสระ และทำมันด้วยใจจริง
วัสดุตั้งคำถาม บริบทตั้งตำถาม เราเองตั้งคำถาม สถานที่ตั้งคำถาม คนดูตั้งคำถาม
อิสระในการคิด คือ คำตอบ"
---------------------------
บทความ : จุฑารัตรน์ ขยันสลุง
Actually : ผมคิดๆ อยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือเขียนบทความ
กลัวเขียนอะไรออกมาแล้วไม่เข้าหู ศิลปินเธอจะหาว่าผมเป็นคนป่วยๆ ไปด้วยหรือไม่ แต่ก็นั่นแหละครับ พฤติกรรมเด่นอันเนื่องมาจากความเป็นโรคจิตอ่อนๆ ของมวลมนุษยชาติ เห็นจะไม่พ้นเรื่องการแสดงออก
“ เราแต่งจิตให้เป็นเช่นไร บุคลิกภาพก็มักออกมาเช่นนั้น” ผมคนหนึ่งหล่ะที่ไม่รอด
สำหรับ Concept - Frameless ไร้กรอบไร้แบบแผน ศิลปินเลือกหยิบจับเอาบริบทรอบตัวมาพรีเซ้นท์, อินสตอลเลชั่นความเพ้อฝันของเธอกับวัสดุไร้ประโยชน์เข้าด้วยกัน ผสมพันธุ์รูปทรงมีนามและไร้นามไว้ในลักษณะ 2 มิติ และ 3 มิติ ตอบโจทย์ให้กับการแสดงเดี่ยวครั้งแรกด้วยพันธนาการทางความคิด ทดลองการก้าวเดินด้วยเศษขยะ แอคชั่นง่อยๆ ถ้อยคำง่ายๆ หลายคำที่เธอพยายามอธิบายออกมาผมพอเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร บ่อยครั้งที่ความจริตแบบกว้างๆ ของบางผู้คน ก็กลับกลายเป็นความวิตถารของสังคมไปโดยปริยาย ในมุมนั้น...
กล่าวด้วยทางของผม Frameless มันก็ทำงานของมันบางอย่าง ด้านหนึ่งวิพากษ์สังคม ส่วนอีกไม่รู้กี่ด้าน มันก็จะถูกวิจารณ์ต่างๆ นานา ประเด็นมันขึ้นอยู่กับว่า เราพอใจจะโอเคกับมันในระดับไหนเท่านั้นเอง
จะว่าไปแล้ว ผมเองเห็นว่าคอนเซ็ปที่เรากำลังกล่าวถึงอยู่นี้มันค่อนข้างอึดอัด ไร้ไอ้โน่นไอ้นั่นไอ้นี่ ชี้นี่ชี้นั่นด้วยความค้างคาใจ แต่...
บทสรุปของความไม่สวยหรูที่ศิลปินจงใจรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสนองอิสระทางความคิดของเธอ ท้ายที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นการสมสู่ซึ่งกันระหว่างความพิการทางจริต หรือมันจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คอยกระแนะกระแหนจะก้านของคนและศิลปิน
อันนี้ก็เรื่องของมัน.